ลอยกระทง-นางนพมาศ มีครั้งแรกในรัชกาลที่ 3 กรุงรัตนโกสินทร์ ไม่เคยมีครั้งกรุงสุโขทัย
คอลัมน์ สุวรรณภูมิ สังคมวัฒนธรรม
(ซ้าย) ราชสำนักรัชกาลที่ 3 มักเล่นประกวดกระทงกลางเดือน 12 ราชธิดาองค์โปรดคือกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ก็แต่งกระทงประกวดชนะทุกปี แล้วมีลอยกระทงเป็นงานเอิกเกริก พรรณนาไว้ในพระราชพงศาวดาร รัชกาลที่ 3 มีจิตรกรรมภาพกระทงใหญ่ วาดบนฝาผนังภายในพระวิหาร วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพฯ (ขวาบน) ลอยกระทง จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา (ขวาล่าง) ลอยกระทง จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ |
ประเพณี 12 เดือน ในประวัติศาสตร์สังคมวัฒธรรม เพื่อความอยู่รอดของคน
โดย ศาสตราจารย์ปรานี วงษ์เทศ มหาวิทยาลัยศิลปากร
สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2548
มีฉบับสมบูรณ์พร้อมหลักฐานอยู่ใน www.sujitwongthes.com
ลอย กระทง ไม่ได้เริ่มมีที่รัฐสุโขทัย ชื่อ "ลอยกระทง" กับกระทงทำจากใบตองเพิ่งมีในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ และหนังสือเรื่องนางนพมาศเป็น "นิยาย" พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 3
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ว่า นางนพมาศ พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 3
"หนังสือเรื่องนางนพมาศซึ่งฉันเข้าใจว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์"
นี่ เป็นข้อความยืนยันที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงมีลายพระหัตถ์ จาก Cinnamon Hall ที่ Penang เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2479 ถึงพระยาอนุมานราชธน (ในหนังสือ ให้พระยาอนุมาน : มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป พิมพ์เมื่อ 14 ธันวาคม 2521 : 56)
สมเด็จฯ ยังทรงมีพระนิพนธ์คำนำหนังสือเรื่องนางนพมาศ ทรงยืนยันว่า "เป็นหนังสือแต่งในครั้งกรุงรัตนโกสินทร์นี้เอง แต่งในระหว่างรัชกาลที่ 2 กับที่ 3 ไม่ก่อนนั้นขึ้นไป ไม่ทีหลังนั้นลงมาเป็นแน่"
นอกจากนั้น สมเด็จฯทรงจับผิดได้ว่าเป็นหนังสือแต่งใหม่ (คำนำเรื่องนางนพมาศ หรือ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ พระนิพนธ์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อพิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2457) เช่น
"ตรงว่า ด้วยชนชาติต่างๆ หนังสือนี้ออกชื่อฝรั่งหลายชาติ ซึ่งที่จริงไม่ว่าชาติใดยังไม่มีเข้ามาในประเทศนี้เมื่อครั้งนครสุโขทัยเป็น ราชธานี"
"ที่ว่าครั้งสุโขทัยมีปืนใหญ่ขนาดหนักนับด้วยหลายหาบ ปืนใหญ่ในครั้งนั้นก็ยังไม่เกิดขึ้นในโลก"
"ที่ลงชื่อว่าชาติฝรั่งอเมริกันลงไว้ในนั้นด้วย ชาติอเมริกันพึ่งเกิดขึ้นยังไม่ถึง 200 ปี จะมีในครั้งพระร่วงอย่างไรได้"
"แม้แต่คำว่าอเมริกันเอง ก็พึ่งเกิดขึ้นในครั้งกรุงเก่าเป็นราชธานี"
ศาสตราจารย์ ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์
ว่า นางนพมาศ วรรณคดีต้นกรุงรัตนโกสินทร์
หนังสือ นางนพมาศ เขียนขึ้นในระหว่าง พ.ศ.2360 ถึงสิ้นรัชกาลที่ 3 โดยประมาณ (คัดจากบทความ โลกของนางนพมาศ ของศาสตราจารย์ ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ พิมพ์อยู่ในหนังสือรวมบทความเรื่อง ไม่มีนางนพมาศ ไม่มีลอยกระทง สมัยสุโขทัย สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ.2545 หน้า 114-115)
(ซ้าย) ปกหนังสือประเพณี 12 เดือน ในประวัติศาสตร์สังคมวัฒนธรรม เพื่อความอยู่รอดของคน (ขวา) สมุดไทยดำเรื่องนางนพมาศ ฉบับเจ้าพระยารัตนบดินทร์ มอบให้หอพระสมุดวชิรญาณ ซึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธุ์ รับสั่งว่าเป็นลายพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 |
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงชี้ให้เห็นไว้แล้วว่า นางนพมาศ มีข้อความอยู่หลายตอนที่แสดงว่าจะแต่งในสมัยสุโขทัยไม่ได้ เช่น การอ้างถึงอเมริกัน ปืนใหญ่ ฯลฯ นอกจากนี้สำนวนโวหารก็เห็นได้ชัดว่าเขียนขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ ซ้ำยังเชื่อกันอีกว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ได้ทรงพระราชนิพนธ์แทรกอยู่ประมาณครึ่งเรื่อง
บังเอิญในหอสมุดแห่ง ชาติมีต้นฉบับเรื่องนางนพมาศอยู่ฉบับหนึ่งในหมู่จดหมายเหตุรัชกาลที่ 3 (เลขที่ 57 จ.ศ.1197 เหลืออยู่แต่เพียงเล่ม 3-4)
ใบปะหน้าของเอกสารนี้เขียนว่า "พระราชนิพนธ์ตำหรับพระศรีจุฬาลักษณ์" เรื่องนางนพมาศ
หนังสือ นี้ต้องแต่งอยู่ระหว่าง พ.ศ.2360-2378 เป็นช้าที่สุด หนังสือนางนพมาศจึงเป็นวรรณกรรมของต้นรัตนโกสินทร์ชิ้นหนึ่ง มีลักษณะร่วมกับวรรณกรรมของยุคเดียวกันหลายประการ
ลอยกระทง "ขอขมา" ดิน-น้ำ
มีต้นเค้าจากพิธีกรรม 3,000 ปีมาแล้ว
ลอย กระทง มีต้นเค้าจากพิธีกรรมร่วมกันของมนุษย์อุษาคเนย์มีมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ เพื่อขอขมาธรรมชาติ อันมีดินและน้ำที่หล่อเลี้ยง ตลอดจนพืชและสัตว์ที่เกื้อกูลให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ มนุษย์จึงมีชีวิตเจริญเติบโตขึ้นได้
ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่าลอย กระทงเริ่มมีเมื่อไร แต่พิธีกรรมเกี่ยวกับ "ผี" ซึ่งมีอำนาจเหนือธรรมชาติ มีอยู่กับมนุษย์อุษาคเนย์ไม่น้อยกว่า 3,000 ปีมาแล้ว ตั้งแต่ก่อนรับศาสนาพุทธ-พราหมณ์จากอินเดีย ผีสำคัญยุคแรกๆ คือ ผีน้ำและผีดิน ที่ต่อมาเรียกชื่อด้วยคำยกย่องว่าแม่พระคงคากับแม่พระธรณี มีคำพื้นเมืองนำหน้าว่า "แม่" หมายถึงผู้เป็นใหญ่
มนุษย์อุษาคเนย์ รู้ว่าที่มีชีวิตอยู่ได้เพราะน้ำและดินเป็นสำคัญ โดยมีน้ำสำคัญที่สุดเพราะเป็นบ่อเกิดของสิ่งมีชีวิต เมื่อคนเรามีชีวิตอยู่รอดได้ปีหนึ่ง จึงทำพิธีขอขมาที่ได้ล่วงล้ำก้ำเกินโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น เหยียบย่ำ ขี้รดเยี่ยวรด และอาจทำสิ่งอื่นที่ไม่เหมาะสมอีก แล้วทำพิธีบูชาพระคุณไปพร้อมกัน โดยใช้วัสดุลอยน้ำได้ ใส่เครื่องเซ่นให้ลอยไปกับน้ำ เช่น ต้นกล้วย กระบอกไม้ไผ่ ฯลฯ
(บน) ภาพสลักลอยประทีป ผนังระเบียงด้านนอกสุดของปราสาทบายน บริเวณมุมผนังด้านทิศใต้มุมตะวันออก (ถ่ายภาพโดย วรรณิภา สุเนต์ตา) (ล่าง) ลายเส้นลอยประทีป ที่ปราสาทบายน (ฝีมือ ธัชชัย ยอดพิชัย) |
ช่วง เวลาเหมาะสมที่คนเรารู้จากประสบการณ์ธรรมชาติ คือ สิ้นปีเก่า ขึ้นปีใหม่ ตามจันทรคติที่มีดวงจันทร์เป็นศูนย์กลาง เพราะเป็นสิ่งมีอำนาจทำให้เกิดน้ำขึ้น-น้ำลง วันสิ้นปีเก่า คือวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ กลางเดือนสิบสอง เพราะน้ำขึ้นสูงสุดในช่วงนี้ เมื่อพ้นไปจากนี้ก็เริ่มขึ้นปีใหม่ เรียกเดือนอ้าย แปลว่าเดือนที่หนึ่ง ตามคำโบราณนับ หนึ่ง สอง สาม ฯลฯ ว่าอ้าย ยี่ สาม เป็นต้น เมื่อเทียบช่วงเวลากับปฏิทินตามสุริยคติที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางจะอยู่ ระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนของทุกปี
ช่วงเวลาต่อเนื่องกันนี้เองทำ ให้ชุมชนโบราณมีพิธีกรรมเกี่ยวกับน้ำหลายอย่าง เพื่อวิงวอนร้องขอ "แม่" ของน้ำ อย่าให้นองหลากมากล้นจนท่วมข้าวกำลังออกรวงเต็มที่ มิฉะนั้นข้าวจะจมน้ำตายหมดอดกินไปทั้งปี ดังมีกลอนเพลงเก่าๆ ว่า "เดือนสิบเอ็ดน้ำนอง เดือนสิบสองน้ำทรง เดือนอ้ายเดือนยี่ น้ำก็รี่ไหลลง" เลยมีประเพณีแข่งเรือเสี่ยงทายและขอร้องขับไล่ให้น้ำลงเร็วๆ อย่าท่วมข้าว
หลัง รับศาสนาพุทธ-พราหมณ์จากอินเดีย เมื่อราว 2,000 ปีมาแล้ว ราชสำนักโบราณได้ปรับพิธีกรรม "ผี" เพื่อขอขมาน้ำและดินให้เข้ากับศาสนาที่รับเข้ามาใหม่ ทำให้ความหมายเดิมเปลี่ยนไปกลายเป็นลอยกระทงบูชาพระพุทธเจ้าและเทวดา แต่ระดับชุมชนชาวบ้านทั่วไปยังเข้าใจเหมือนเก่าคือขอขมาแม่พระคงคาและแม่พระ ธรณี (ดังมีพยานอยู่ในเอกสารของลาลูแบร์ชาวฝรั่งเศส ที่บันทึกพิธีของชาวบ้านในกรุงศรีอยุธยาสมัยสมเด็จพระนารายณ์เอาไว้)
ราช สำนักกรุงศรีอยุธยาอยู่บริเวณที่ราบลุ่มน้ำท่วมนานหลายเดือน จึงเป็นศูนย์กลางสำคัญที่สร้างสรรค์ประเพณีเกี่ยวกับน้ำขึ้นมาให้เป็น "ประเพณีหลวง" ของราชอาณาจักร มีตราเป็นหลักฐานไว้ในกฎมณเฑียรบาล ว่าพระเจ้าแผ่นดินต้องเสด็จออกไปประกอบพิธีกรรมทางน้ำ เพื่อความมั่นคงและมั่งคั่งทางการกสิกรรมของราษฎร แล้วมีขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารคเพื่อประกอบพระราชพิธีโดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังมีเอกสารบันทึกอย่างเป็นทางการอยู่ในตำราพระราชพิธีกับวรรณคดี โบราณ เช่น โคลงทวาทศมาส ฯลฯ
รำวง ลอยกระทง มีกำเนิดในกรุงเทพฯ
แล้วถูกสร้างให้เป็น "แห่งชาติ" ไปทั่วประเทศ
ประเทศไทยมีพื้นที่เป็นรูปยาวตั้งแต่เหนือลงใต้ ทำให้แต่ละพื้นที่รับมรสุมจากอิทธิพลของธรรมชาติไม่พร้อมกัน
ทาง ภาคเหนือรับมรสุมก่อนภาคกลางและภาคใต้ ฝนจึงตกทางภาคเหนือแล้วเริ่มฤดูทำนาก่อนภาคกลางและภาคใต้ ทำให้ข้าวทางภาคเหนือออกรวงสุกเต็มที่ ต้องเก็บเกี่ยวก่อนภาคกลางและภาคใต้ โดยเฉลี่ยราว 60 วัน หรือ 2 เดือน ฉะนั้นเดือนอ้ายของล้านนาที่อยู่ทางเหนือจึงเริ่มก่อน ตอนนั้นภาคกลางยังเป็นเดือน 11
เมื่อภาคกลางถึงเดือน 12 กลางเดือนเป็นวันเพ็ญมีลอยกระทง แต่ทางภาคเหนือนับเป็นเดือนยี่ (เดือน 2) แล้ว จึงเรียกคืนวันเพ็ญลอยกระทงว่ายี่เป็ง (เป็ง คือ เพ็ญ) พอภาคกลางเริ่มปีใหม่เดือนอ้าย ทางภาคเหนือก็เข้าเดือนสามแล้ว
เหตุ ที่ภาคเหนือเรียกประเพณีลอยกระทงว่ายี่เป็ง ก็เพราะรับพิธีลอยกระทงขึ้นไปจากกรุงเทพฯที่มีในกลางเดือน 12 เลยต้องปรับกำหนดให้ตรงกับกรุงเทพฯด้วย แต่ขณะนั้นภาคเหนือเป็นเดือนยี่แล้ว จึงเรียกลอยกระทงว่ายี่เป็ง หมายถึง เพ็ญเดือนสอง (ไม่ใช่เพ็ญเดือนสิบสอง)
ต้นเหตุที่ภาคเหนือรับพิธีลอย กระทงขึ้นไปจากกรุงเทพฯ เพราะอำนาจการปกครองขณะนั้นอยู่ภาคกลาง มีกรุงเทพฯเป็นราชธานี อำนาจทางวัฒนธรรมแผ่จากกรุงเทพฯขึ้นไปมีอิทธิพลเหนือประเพณีท้องถิ่น รัฐบาลสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม จึงสร้างใหม่ให้ลอยกระทงเป็นประเพณี "แห่งชาติ" พร้อมกับรำวง (มาตรฐาน) แผ่ปกไปทั่วประเทศ รวมทั้งกำหนดให้ภาคเหนือ-ล้านนา มีรำวง (มาตรฐาน) ลอยกระทงกลางเดือน 12 เหมือนกรุงเทพฯด้วย
แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคนได้หมด จึงยังเหลือเค้าการนับเดือนไว้ดังคำยี่เป็ง ส่วนภาคอื่นๆ เช่น อีสานและใต้เปลี่ยนไปตามภาคกลางหมด
ลอยประทีป ไหว้พระแขในเขมร
ภาพสลักที่ปราสาทบายน พ.ศ.1750
ใน กัมพูชามีประเพณีลอยประทีปไหว้พระแข (คือพระจันทร์) กลางเดือน 12 มีภาพสลักที่ปราสาทบายน ราว พ.ศ.1750 แสดงว่ามีมาก่อนนั้นนานมากจนนับไม่ได้
หลัก ฐานนี้เป็นพยานสำคัญว่าลอยกระทงยุคกรุงรัตนโกสินทร์สืบเนื่องจากลอยประทีป ยุคเมืองพระนครหลวง (นครธม) ที่ทะเลสาบในกัมพูชา กับลอยประทีปลอยโคม ยุคทวารวดีศรีอยุธยาบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา
แต่ไม่พบหลักฐานยุคกรุงสุโขทัย
หน้า 20
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01pra01291052§ionid=0131&day=2009-10-29
--
Web link
http://www.edtguide.com/SuanplooThaiMassage_486629
http://www.victam.com/
http://www.cloudbookclub.com/about.htm
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://www.niwatkongpien.com/
http://sundara21.blogspot.com/
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com/v1/
http://cloudbookclub.blogspot.com
http://blogok09.blogspot.com
http://thairaptorgroup.com/TRG/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2049
http://www.ias.chula.ac.th/Thai/modules.php?name=NuCalendar
--
Web link
http://www.edtguide.com/SuanplooThaiMassage_486629
http://www.victam.com/
http://www.cloudbookclub.com/about.htm
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://www.niwatkongpien.com/
http://sundara21.blogspot.com/
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com/v1/
http://cloudbookclub.blogspot.com
http://blogok09.blogspot.com
http://thairaptorgroup.com/TRG/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2049
http://www.ias.chula.ac.th/Thai/modules.php?name=NuCalendar
มาร่วมลอยกระทงกันครับ
ตอบลบ