สัญจร เนติ โชติช่วงนิธิ ยล..สด๊กก๊อกธม ปราสาทขอมร่วมสมัย ไปยลโฉมปราสาทขอมนาม “สด๊กก๊อกธม” จังหวัดสระแก้วชายแดนไทย-กัมพูชา มาหลายเพลาแล้ว ตั้งใจนำเสนอ แต่ก็ไม่ได้นำพาสักที มัวปล่อยให้เวลามันเดินเล่นๆ เสียอย่างนั้น แต่ก็ไม่เสียหายแต่อย่างใด เพราะปราสาทขอมหลังนี้ยังตั้งอยู่ พูดง่ายๆ อยู่มานานพันปี ไม่ได้เป็นขอมดำดิน ไปโผล่เมืองอื่น สัปดาห์นี้ถือโอกาสเสียเลย สด๊กก๊อกธม แปลตามศัพท์นักโบราณคดีได้ว่า บึงใหญ่ หรือ บาราย สันนิษฐานกันว่าบารายนี้เต็มไปต้นกก แต่วันที่ไปดูบารายขนาดใหญ่นี้อยู่ทิศตะวันออกด้านหน้าองค์ปราสาทไม่ไกลนัก มองไม่เห็นต้นกก เห็นแต่กอสวะ(กอหญ้า)ขึ้นรกในบาราย ปราสาท ขอมหลังนี้ พื้นที่จัดว่าไม่ใหญ่นัก แต่ก็ไม่เล็ก เมื่อเทียบกับปราสาทขอมในอาณาบริเวณใกล้ เคียง ร่องรอยเก่าๆ ที่ปรากฏอยู่มีทางเดินปูด้วยศิลาแลง ประดับเสานางเรียงสองข้างทางเข้าสู่โคปุระชั้นนอก ซึ่งทางเดินนี้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างบารายกับองค์ปราสาท และเมื่อมองที่ตั้งของปราสาทแล้วจะเห็นว่าในอดีตเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง ชุมชนทางตะวันออก ตามเส้นทางมีปราสาทหินต่างๆ เรียงรายไปถึงเมืองพระนครของขอม ก็คือนครวัดนครธมจังหวัดเสียมเรียบในเขมรนั่นเอง อาณา บริเวณปราสาทขอมหลังนี้ เดี๋ยวนี้เดินชมกันได้เพลิดๆ ไม่ต้องห่วงว่าสองเท้าของเราเดินสุ่มสี่สุ่มห้าไปเยียบกับระเบิดเหมือนเมื่อ สิบกว่าปีก่อนในสมัยสงครามเขมร 3 ฝ่าย ซึ่งเวลานั้นผมไปต้องเดินตามเส้น ทางที่เจ้าหน้าที่กู้ระเบิดกำหนดไว้ ห้ามออกนอกเส้นทาง เล่นเอาถึงขนาดที่ว่าจะยืนชมกระต่ายตามพงหญ้า ยังไม่ได้เลย คิดดูเอาเองเถอะ เดี๋ยวนี้รถไถกวาดทุนระเบิดก็ยังทิ้งไว้ช้างปราสาทให้ดูต่างหน้ากัน อีก เช่นกันในเวลานั้น ทับหลัง ศิลาแลงประดับปราสาท วางกองระเกะระกะตามพงหญ้า กับบางส่วนที่นักโบราณคดีและเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรจ้างแรงงานท้องถิ่นมาช่วย กันยกตั้งกอง เพื่อรอการบูรณะ ซึ่งปัจจุบันองค์ปราสาทได้รับการบูรณะอย่างที่เห็น(ในภาพ) เวลานี้ ซึ่งเข้าใจว่าเสร็จสมบูรณ์บางส่วนของปราสาท ผม ขอพูดศิลปกรรมปราสาทหลังนี้โดยรวมแล้วกัน มีแนวกำแพงแก้วชั้นนอกแล้ว มีระเบียงคดชั้นใน ตัวปราสาทมีหน้าบัน ทับหลังพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ลายพรรณพฤกษา ภาพบุคคล ช้าง และนาคประดับ มีการพบจารึก 2 หลัก กล่าวถึงปราสาทหรือศาสนสถานหลังนี้ในระหว่างพุทธที่ 15 หรือเมื่อ พ.ศ. 1480 พระเจ้าชัยวรมันที่ 4 มีศิวลึงค์ตามคติขอม-พราหมณ์ประดิษฐาน กับอีกจารึกหนึ่งบันทึกพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 ปฏิ สังขรณ์ปราสาทหลังนี้ในปี พ.ศ. 1595 ปราสาท หลังนี้ ทว่าไปแล้วในสมัยสงครามเขมร ก็เสมือนเป็นป้อมหรือหลุมหลบภัย บังเกอร์ชั้นดีของฝ่ายตรงข้ามเวลานั้น สภาพปราสาทจึงถูกถล่มด้วยลูกระเบิด ลูกปืนสารพัดชนิด ภายหลังสงครามยุติลง กรมศิลปากรเข้าไปบูรณะ ถ้าจำ พ.ศ. ไม่ผิดก็น่าจะปี 2538 แล้วบูรณะตามงบประมาณ มีก็ทำ ไม่มีก็รอไปก่อน แต่วิธีการบูรณะก็ทำด้วยแบบอนัสติโลซีส (Anastilosis) คือนำชิ้นส่วนของปราสาทที่เหลืออยู่มาประกอบคืนรูปเดิม ทำนองเดียวกับบูรณะปุโรพุทโธ ที่อินโดนีเซีย ถ้า ชิ้นส่วนไหนหายไป จะด้วยสาเหตุการลักลอบเอาไปขายหรือเปล่าก็มิทราบได้(ผมหมายถึงผู้ลักลอบ) ก็จะนำหินใหม่ที่ได้มาจากแหล่งตัดหินโคราช ตัดเป็นก้อนๆ ให้เท่าและเข้ากับร่องวางของเดิม นำมาตบแต่งให้สมบูรณ์อย่างที่เห็นในภาพ แล้วคงไม่ได้ฉุดชักลากเหมือนยุคขอมสร้างนครวัด เอาหินมาจากเขาพนมกุเลน แต่ในยุคศตวรรษที่ 21 หรือร่วมสมัยนี้เอาหินใส่รถเทเลอร์หรือรถพ่วงขนมา ระหว่างศิลาแลงเก่ากับหินตัดใหม่ นักโบราณคดีกรมศิลปากรบอกว่า “พอนานไปไลเคนจับตัว สภาพศิลาแลงและหินก็จะออกโทนสีเดียวกัน” ผมก็เลยคิดอยู่ในใจ “ปราสาทสด๊กก๊อกธมร่วมสมัย” ผสมผสานของเก่ากับใหม่ ปราสาทสด๊กก๊อกธมก็เป็นอย่างที่เห็นในภาพ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น