|
| วัดราชผาติการาม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ริมถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร คำว่า "ผาติกรรม" ที่นำมาตั้งเป็นนามวัดแห่งนี้นั้น มีความหมายว่า "เจริญขึ้น" แต่ถ้าเป็นทางวินัยสงฆ์หมายความว่า "การทดแทนสิ่งที่ทำของสงฆ์ชำรุด โดยทำให้ดีกว่าเดิม" ความหมายดังกล่าวจึงบ่งบอกให้ทราบถึงที่มาของการสร้างวัดแห่งนี้ วัดราชผาติการามเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เดิมชื่อ วัดส้มเกลี้ยง ครั้นถึงรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินบริเวณใกล้เคียงวัดให้เป็นที่อาศัยของชาวญวนที่อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ชาวญวนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่รับราชการในสังกัดกรมทหารปืนใหญ่ อยู่ในความรับผิดชอบของ สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ชาวญวนได้รื้อเอาอิฐจากวัดส้มเกลี้ยงไปใช้สร้างบ้านเรือนและโบสถ์คริสต์ตามศาสนาที่ตนนับถือ จนแทบไม่เหลือให้เห็นสภาพวัดเลย เมื่อความทราบไปถึงรัชกาลที่ 3 จึงโปรดเกล้าฯ ให้ปรับโทษเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ โดยรับสั่งให้สร้างวัดขึ้นใหม่ เป็นการผาติกรรมแทนวัดส้มเกลี้ยง และได้พระราชทานนามใหม่ว่า วัดราชผาติการาม อันหมายถึงวัดที่พระราชาทรงสร้างขึ้นทดแทนให้ดีกว่าเดิม แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2379 และภายหลังทางราชการก็ได้ยกวัดราชผาติการามขึ้นทะเบียนเป็นพระอารามหลวง การสร้างวัดในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังไม่แล้วเสร็จ พระองค์ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน ครั้นถึงรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) จึงโปรดเกล้าฯ ให้ กรมหมื่นชาญไชยบวรยศ ทรงปฏิสังขรต่อ จนกระทั่งถึงต้นรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดเกล้าฯ ให้ พระยาราชสงคราม (กร) เป็นแม่งานจัดการย้ายหมู่กุฎีที่ถูกถนนราชวิถี (ซังฮี้) ตัดผ่านไปสร้างไว้ทางด้านเหนือ สร้างกำแพงล้อมรอบให้เป็นเขตวัด การปรับปรุงก่อสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์วัดราชผาติการาม จึงได้ดำเนินติดต่อกันมาทุกสมัยของเจ้าอาวาสจนแล้วเสร็จ วัดนี้มีสิ่งที่น่าสนใจคือ พระอุโบสถ เป็นรูปทรงศิลปะแบบจีนผสมญวณ ไม่มีช่อฟ้าใบระกาประดับเหมือนกับพระอุโบสถ วิหาร หรือศาลาการเปรียญวัดอื่นๆ พระอุโบสถหลังนี้ได้รับการซ่อมแซมมาตามกาลสมัยและได้ทำการซ่อมครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2516 แล้วเสร็จในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2517 โดยได้รักษารูปแบบเดิมไว้ทุกประการ พร้อมกันนี้ได้อัญเชิญพระบรมอัฐิในรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 มาบรรจุไว้ ณ หลังพระอุโบสถด้วย | ภาพพระอุโบสถ ถ่ายเมื่อปี พ.ศ.2510 | นอกจากนั้นยังมีพระประธานในพระอุโบสถ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวรับสั่งให้นำมาประดิษฐานไว้ตั้งแต่เริ่มสร้างวัดใหม่ เป็นพระพุทธรูปศิลปะแบบเชียงแสน เวียงจันทน์ เนื้อทองสำริด 3 กษัตริย์ มีขนาดหน้าตักกว้าง 69 เซนติเมตร ส่วนสูง 165 เซนติเมตร มีเส้นลายเงินฝังอยู่ตามชายสังฆาฏิและจีวร มีพระโอษฐ์สุกเป็นสีนาก จึงได้ชื่อว่า หลวงพ่อสุก | | |
https://www.myfirstbrain.com/AroundTheCity_View.aspx?Id=49352 --
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.parent-youth.nethttp://www.familynetwork.or.thhttp://www.tzuchithailand.org http://www.presscouncil.or.thhttp://ilaw.or.thhttp://thainetizen.orghttp://www.ictforall.org http://icann-ncuc.ning.comhttp://dbd-52.hi5.comhttp://www.webmaster.or.thhttp://www.thailandshowtime.com/2009
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น