|  | "บอร์ด ทอท."มีมติยกเลิกสัมปทานเข็น"แทกส์"หลังผิดสัญญาทำรถเข็นสูญหายกว่า 6 พันล้านพร้อมเรียกค่าปรับอีก  2,000 ล้าน ขณะที่ "แทกส์" เตรียมฟ้องกราวรูด หลังไม่ได้รับความเป็นธรรม ชี้ ทำประชาชนเดือดร้อน กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ
 เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 23 เม.ย. นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานบอร์ดบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.  เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด ทอท. ว่าที่ประชุมเห็นชอบให้เลิกสัญญาบริการรถเข็นกระเป๋าสัมภาระในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งบริษัท ไทยแอร์พอร์ตส์ กราวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ แทกส์ เป็นผู้รับสัมปทานดังกล่าว เนื่องจากแทกส์ทำผิดสัญญากรณีที่เป็นผู้จัดหารถเข็นให้บริการ 9,034 คัน แต่พบว่าปัจจุบันมีรถเข็นให้บริการประมาณ 3,000 คันเท่านั้น   ทั้งนี้แม้ว่าที่ผ่านมาแทกส์จะระบุว่ากรณีรถเข็นหายเป็นเพราะถูกขโมย รวมทั้งกล่าวหาว่าลูกจ้างของทอท.มีส่วนเกี่ยวข้องในการขโมยรถเข็นดังกล่าว แต่ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบแล้วพบว่า กรณีรถเข็นหายไม่ใช่ความรับผิดชอบของ ทอท. และจากการที่แทกส์ไม่สามารถให้บริการรถเข็นได้ตามสัญญา ทอท.จึงได้เรียกค่าปรับกับแทกส์อีกเป็นเงิน 2,000 ล้านบาท
 
 ด้าน  นายลาดหญ้า อูริยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทกส์ กล่าวว่า จะดำเนินการฟ้องร้อง ทอท. และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดทันที ภายหลังจากที่บอร์ดทอท.มีมติยกเลิกสัญญาสัมปทานการจ้างเหมาให้บริการรถเข็นกระเป๋าโดยสาร เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมาแทกส์มั่นใจว่าได้ให้บริการอย่างที่ดีที่สุดโดยยึดถือและปฏิบัติตามสัญญามาโดยตลอด  และที่ผ่านมาตนมั่นใจว่า กรณีที่รถเข็นหายไป เกิดจากการถูกลักขโมยอย่างเป็นกระบวนการ อย่างไรก็ตามการตัดสินใจยกเลิกสัมปทานโดยไม่เป็นธรรมครั้งนี้ จะส่งผลเสียหายต่อ ทอท. ทั้งสิ้นไม่ว่าแทกส์จะแพ้คดีหรือชนะก็ตามและที่สำคัญที่สุดประชาชนผู้ใช้บริการจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ในลำดับแรกหากแทกส์แพ้คดี ทอท. ซึ่งถือหุ้นอยู่ในแทกส์ถึง 28.5%  ต้องมีส่วนร่วม   รับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นการชดเชยค่าเสียหายในกรณีใดก็ตาม กระทบต่อรายได้จากการลงทุนของ   ทอท.
 
 "สิ่งที่ผมอยากถามไปยัง บอร์ด ทอท.  คือรู้ทั้งรู้ว่าการยกเลิกมีแต่สร้างความเสียหายให้ ทอท. และประชาชนผู้ใช้บริการแล้วมีสาเหตุอะไรที่เป็นเบื้องหลังให้ตัดสินใจครั้งนี้  และการยกเลิกสัญญาสัมปทานครั้งนี้ยังจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่ยังเป็นปัญหาของรัฐบาลในขณะนี้ด้วย เพราะผู้ถือหุ้นหลักส่วนหนึ่งในแทกส์เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นกองทุนร่วมลงทุนจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องตอบคำถามกับกรณีที่เกิดขึ้นด้วย".
 | 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น