จาก"เงินสงเคราะห์" ถึง"เบี้ยยังชีพ" สวัสดิการรัฐน่ารู้"ผู้สูงอายุ"
โดย เชตวัน เตือประโคน
![]() |
แต่ก็มีความติดขัดในขั้นตอนปฏิบัติ เพราะเมื่อสอบถามจากผู้สูงอายุบางท่าน...
"ไม่ได้ยื่นเรื่องขอรับเงินเบี้ยเลี้ยง"
"ไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ"
ฯลฯ
เป็นเสียงสะท้อนที่ได้รับ
ความคลุมเครือนี้เอง ทำให้ได้ลองค้นสวัสดิการจากภาครัฐที่ผู้เฒ่าผู้แก่-ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปทั้งหลายได้รับ พบข้อมูลจาก "ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2548" ซึ่งในส่วนของผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพนี้ ก็จะไม่ได้รับเบี้ยยังชีพที่รัฐบาล นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อนุมัติใหม่หมาด
ขอแจกแจงนำเสนอ ทั้ง "เงินสงเคราะห์" และ "เบี้ยยังชีพ"
ว่า 2 สวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุนี้ มีที่มาที่ไปและแตกต่างกันอย่างไร ใครได้ และได้อย่างไร
1.เงินสงเคราะห์ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย พ.ศ.2548
ความจริง เงินสงเคราะห์คนชราตรงส่วนนี้ เริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 ซึ่งขณะนั้น อยู่ภายใต้การดูแลของกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย โดยรัฐบาลได้กำหนดให้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน สำรวจลูกบ้านผู้สูงอายุในหมู่บ้านของตน แต่ขณะนั้นเงินสงเคราะห์ตรงส่วนนี้ ก็จ่ายได้เพียงแค่ 2-3 คนในแต่ละหมู่บ้านเท่านั้น และแน่นอน ไม่ต้องใช้สมองขบคิดขนาดหนักก็พอรู้ว่า "ใครบ้างจะเป็นผู้ได้รับ (เงิน)" (ถ้าไม่ใช่ญาติๆ ของท่านกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านนั้นๆ)
จนต่อมา ได้เกิด พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ปี 2546
มาตรา 11 ระบุไว้ว่า ผู้สูงอายุมีสิทธิได้รับการคุ้มครอง ส่งเสริมและสนับสนุน การสงเคราะห์เบี้ยยังชีพตามความจำเป็นอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม โดยช่วงแรกนั้น ได้มีการจ่ายเงินให้แก่ผู้สูงอายุ (ตามเกณฑ์) 300 บาทต่อคนต่อเดือน
![]() |
จนเมื่อมีการกระจายอำนาจการปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้เข้ามารับหน้าที่ในการดูแลและจ่ายเงินสงเคราะห์ให้กับผู้สูงอายุต่อ พร้อมๆ กับการเกิดขึ้นของ "ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2548" โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่สำรวจ จัดทำ และจัดลำดับรายชื่อผู้สูงอายุที่เข้าเกณฑ์ตามระเบียบนี้
คือ 1.มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ หรือถูกทอดทิ้ง หรือขาดผู้อุปการะเลี้ยงดู หรือไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้
โดยวิธีการพิจารณาว่า ใครจะได้รับ ก็ให้สิทธิท้องถิ่นทำรายชื่อเสนอผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยจะมีการประกาศรายชื่อให้ได้รับทราบ ให้มาตรวจสอบได้ เพราะบางทีก็อาจมีการคัดค้าน ไม่เห็นด้วยว่า คุณตา-คุณยาย ท่านนั้น ท่านนี้ ไม่ควรได้รับสิทธิ
เป็นที่เปิดเผยกว่าการคัดเลือกในปีแรกของการจ่ายเงินสงเคราะห์
สำหรับในขั้นตอนการรับเงินของผู้สูงอายุนั้น
สามารถขอรับได้ทั้งที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้วยตัวเอง หรือการโอนเข้าบัญชี ในอัตรา 500 บาทต่อคน ต่อเดือน
2.เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ พ.ศ.2552
เป็นเงินที่จ่ายตาม "เช็คช่วยชาติ" ของผู้มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 15,000 บาท มาติดๆ ชนิดฝุ่นยังไม่ทันจาง
มติที่ประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ได้กำหนดให้มีหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ พ.ศ.2552 โดยกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพนี้ไว้ คือ
1.มีสัญชาติไทย 2.อายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป 3.ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ ผู้รับเงินบำนาญ ผู้รับเงินเบี้ยยังชีพตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย หรือกรุงเทพมหานคร ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ที่ได้รับเงินเดือนค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดให้เป็นประจำ
![]() |
โดยผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติตามที่กล่าวมานั้น จะต้องไปยื่นคำขอขึ้นทะเบียน ที่เทศบาล หรือ อบต. สำหรับในกรุงเทพฯ ยื่นที่สำนักงานเขตที่ตนเองมีรายชื่อตามทะเบียนบ้าน
และรับเบี้ยยังชีพเป็นเงินสดได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆ หรือจะเลือกให้โอนเข้าบัญชีก็ได้
เบี้ยยังชีพจะจ่ายให้ผู้สูงอายุรายละ 500 บาท เป็นระยะเวลานาน 6 เดือน ซึ่งคาดว่าสิ้นเดือนเมษายน 2552 นี้ เงินงวดแรกจะถึงมือคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ทั้งหลายให้ได้จับจ่าย ช่วยฟื้นเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาแล้ว
"เงินสงเคราะห์" และ "เบี้ยยังชีพ" เป็นสวัสดิการจากรัฐที่ไม่ซ้ำซ้อนกัน
หมายความว่า ผู้ได้รับเงินสงเคราะห์ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยแล้ว จะไม่มีสิทธิรับ "เบี้ยยังชีพ" ที่รัฐจะจ่ายให้ในอีกไม่กี่วันนี้
เกิดคำถาม สำหรับเงิน "500 บาท" ที่ผู้สูงอายุจะได้รับ เพียงพอไหม?
เสียงสะท้อนจากนักวิชาการด้านสังคมศาสตร์ส่วนใหญ่ บอกว่า "ไม่พอ" แต่อย่างน้อย ก็ยังช่วยแบ่งเบารายจ่าย ซึ่งบางที ใช่เฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ผู้อุปการะผู้สูงอายุทั้งหลาย ยังนำเงินส่วนเกินในส่วนนี้ ไปใช้จ่ายในครอบครัว ดูแลอีกหลายชีวิตได้ด้วย
"ไม่พอ" แต่ดีกว่าที่รัฐจะ "ไม่ทำอะไรเลย"
ก็หวังว่าอนาคต "รัฐ" จะจัด "สวัสดิการ" สำหรับผู้สูงอายุอย่างนี้ต่อไป และดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
แต่ก็นั่นแหละ ช่วงของการประชาสัมพันธ์ให้ผู้สูงอายุ ตลอดจนลูกหลานผู้สูงอายุ ให้ได้รับรู้ รับทราบ ถึงสิทธิที่พวกเขาจะได้รับตรงนี้ ควรจะให้มีความเข้มข้นมากขึ้นกว่านี้หน่อย
คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยายทั้งหลาย จะได้ไม่บ่นเมื่อต้องเสียสิทธิ
ธีรพัฒน์ คัชมาตย์
ผอ.ส่วนส่งเสริมการจัดการด้านสาธารณสุขและสวัสดิการสังคม
กระทรวงมหาดไทย
"สิ้นเดือนเมษายน 2552 ทุกคนที่ลงทะเบียนได้รับเงินแน่นอน"
"ธีรพัฒน์" ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการจัดการด้านสาธารณสุขและสวัสดิการสังคม กระทรวงมหาดไทยแจกแจงเพิ่มเติมถึงการจ่ายเงิน 500 บาท แก่ผู้สูงอายุ ว่าในส่วนของกรมได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2552 ซึ่งมีผู้สูงอายุมาลงทะเบียนทั้งหมดรวมทั้งพัทยาและกรุงเทพมหานครด้วยราว 3.5 ล้านคน ที่ต้องรวมพัทยาและกรุงเทพมหานครด้วย เพราะทั้งสองแห่งเป็นส่วนปกครองส่วนท้องถิ่นแบบพิเศษ
แต่ถ้าไม่รวมองค์กรสองแห่งนี้ก็มีผู้สูงอายุลงทะเบียนราว 3.1 ล้านคน
ในส่วนของกรม ได้ดำเนินการในเรื่องของการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ นานา ให้ข้อมูลถูกต้องและตรงกับข้อเท็จจริง และจะได้แจกจ่ายเงินให้ทางองค์กรส่วนท้องถิ่นให้เสร็จสิ้นภายในเดือนเมษายน 2552 คือแจกทุกเดือน เดือนละ 500 บาทต่อคน
"เราต้องแจกทุกเดือนตามโครงการ ซึ่งโครงการนี้มีระยะเวลาตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน 2552 เป็นไปตาม พ.ร.บ.งบประมาณจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 สิ้นเดือนเมษายนนี้ก็เริ่มจ่ายแล้ว เปิดทำการวันที่ 20 เมษายน 2552 คิดว่าเราคงจัดสรรให้กับทางท้องถิ่นได้ทั้งหมด แจกจ่ายให้กับทุกหน่วยทั่วประเทศที่มาลงชื่อไว้
"ส่วนหน้าที่การตรวจสอบรายชื่อว่าถูกต้องตรงกันหรือซ้ำซ้อนหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นคนตรวจสอบ ทางเราเป็นเพียงคนรวบรวมข้อมูลตัวเลขแล้วตั้งงบประมาณลงไป"
เท่าที่ดูและตรวจสอบเรื่องที่คนสูงวัยจะไม่มารับเงินคงไม่มี และทางเราได้แจกจ่ายให้เท่ากับตามที่ลงทะเบียนไว้ เช่น ตั้งมา 300 คน เราก็จัดสรรลงไปให้ครบจำนวน 300 คน
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดำเนินการมา ก็มีปัญหาอุปสรรคอยู่บ้าง คือมีบางส่วนเขาไม่ทราบข้อมูล ซึ่งเราก็ให้เพิ่มการประชาสัมพันธ์ แต่อาจเป็นเพราะเห็นคนอื่นได้ก็อยากได้บ้าง แล้วมันเลยเวลาที่ให้ลงทะเบียนไปแล้ว ถ้าอยากได้ก็ต้องรอระเบียบใหม่ของปี 2553 ต้องลงทะเบียนกันอีกครั้ง
"ผมยืนยันว่าได้ครบแน่นอน"
หน้า 20
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01pra01200452§ionid=0131&day=2009-04-20
Rediscover Hotmail®: Now available on your iPhone or BlackBerry Check it out.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น