“มุราคามิ” ศิลปินผู้หลอมรวม ศิลปะ...แฟชั่น...การค้า

"มุราคามิ" ศิลปินผู้หลอมรวม ศิลปะ...แฟชั่น...การค้า

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

17 เมษายน 2552 19:17 น.

ทาเคชิ มุราคามิ กับผลงาน        น้อยคนจะรู้ว่าลายโมโนแกรมสีสันสดใสที่ปรากฏเป็นอยู่บนกระเป๋าหรูอย่างหลุยส์ วิตตอง ที่บรรดาสาว ๆ ทั่วโลกคลั่งไคล้นั้นเป็นผลงานของศิลปินเลือดซามูไรชื่อก้องที่ชื่อ...ทาเคชิ มุราคามิ                ล่าสุดมุราคามิได้นำผลงานศิลปะชิ้นเอกของเขากว่า 90 ชิ้น เพื่อมาจัดนิทรรศการในชื่อ @MURAKAMI ซึ่งตระเวนแสดงไปตามพิพิธภัณฑ์ชื่อดังระดับโลกโดยเริ่มตั้งแต่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่ลอส แองเจลลิส ในปี 2550 ซึ่งผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ที่ชื่อ พอล ซีมเมล เป็นผู้ริเริ่มในการนำร้านหลุยส์ วิตตอง เข้ามาตั้งอยู่ในนิทรรศการเป็นครั้งแรกด้วย ด้วยการเติมความสมบูรณ์แบบให้กับบรรดาผลงานในนิทรรศการด้วยลวดลายหลุยส์ วิตตองโมโนแกรมมัลติคัลเลอร์อันโด่งดังของมุราคามิ         Tan Tan Bo Puking        นอกจากนี้ภายในร้านยังสะท้อนการผสมผสานอย่างลึกซึ้งระหว่างศิลปะชั้นสูง วัฒนธรรมมวลชน แฟชั่น และการพาณิชย์ของมุราคามิ ซึ่งกลายมาเป็นหัวใจสำคัญในปรัชญาการทำงานของเขา                ผลงานศิลปะอันโดดเด่นของมุราคามิเป็นที่สนใจของชาวตะวันตกอย่างมาก ทำให้เขาต้องตระเวนนำผลงานไปแสดงตามที่ต่าง ๆ อีกเป็นเวลาเกือบ 2 ปีทีเดียว โดยจากแอลเอสู่นิวยอร์กที่พิพิธภัณฑ์บรู๊คลิน ในเดือนเมษายน 2551 พร้อมคงคอนเซ็ปต์เดิมที่นำร้านหลุยส์ วิตตองเต็มรูปแบบมาอยู่ในนิทรรศการด้วย จนถึงเดือนกันยายน ในปีเดียวกันมุราคามิก็นำผลงานของเขามาสู่พิพิธภัณฑ์เฟอร์ โมเดิร์น คันสท์ ที่แฟรงก์เฟิร์ท ประเทศเยอรมนี เป็นแห่งแรกในยุโรป                และการเดินทางของนิทรรศการนี้สิ้นสุดที่พิพิธภัณฑ์กุ๊กเกนไฮม์ บิลเลา ในประเทศสเปน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งจะแสดงไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม จากนั้นจึงกลับไปจัดต่อที่ฮ่องกง                หนุ่มวัย 47 ปีคนนี้เกิดที่โตเกียว จบการศึกษาด้านศิลปะจากโตเกียว ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ อาร์ต ซึ่งได้รับทั้งปริญญาตรีและปริญญาโทรวมถึงปริญญาเอกด้านวิจิตรศิลป์ จากนั้นในปี 2544 ได้ทำหน้าที่ดูแลนิทรรศการ SuperFlat ที่พิพิธภัณฑ์แห่งศิลปะร่วมสมัย ลอส แองเจลลิส                 Kaikai & Kiki        สำหรับผลงานของมุราคามินั้นเป็นเสมือนกระจกสะท้อนเรื่องราวชีวิตของเขาผ่านทางภาพเสมือนจริงผ่านตัวการ์ตูนญี่ปุ่น พร้อมด้วยดอกไม้และเห็ดในสไตล์ของเขาต่างโลดแล่นอยู่บนภาพวาดที่ชื่อ Tan Tan Bo Puking หรือ Gero ตัวประหลาดยักษ์ มีฟันแหลมคม พ่นวัตถุแปลกประหลาด พิลึกพิลั่นออกมาจากปาก และกำลังมึนงงกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวรวมทั้งน้ำลายของมันด้วย ซึ่งทาเคชิต้องการเปรียบเปรยความต้องการในการบริโภคอย่างไม่รู้จักพอของสังคม        แม้ว่ามุราคามิจะมีผลงานแสดงอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี แต่สำหรับนิทรรศการ @MURAKAMI ถือเป็นการนำสุดยอดผลงานที่ได้รับคัดเลือกจากบรรดาผลงานทั้งหมดตลอดช่วงชีวิตการทำงานของเขาทีเดียว เริ่มตั้งแต่ผลงานในช่วงต้นยุค 1990sซึ่งเป็นยุคสมัยแห่งสไตล์นีโอ-ป๊อปแบบญี่ปุ่น ผ่านแนวการ์ตูนญี่ปุ่น รวมถึงผลงานในปลายยุค 1990s ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากโอทากุ หรือวัฒนธรรมนอกกระแสที่หลงใหลคลั่งไคล้บุคลิกลักษณะแบบการ์ตูนญี่ปุ่น และผลงานสร้างสรรค์ของมุราคามิร่วมกับแบรนด์ผู้นำสินค้าหรูหราอย่าง หลุยส์ วิตตอง        มุราคามิอยู่ในยุคที่ศิลปินนิยมสร้างผลงานที่มีจุดเด่นอยู่ที่การผสมผสานวัฒนธรรมแบบป๊อบ แฝงกลิ่นอายศิลปะแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม อาทิ ภาพพื้นผิวสองมิติ ลายแพทเทิร์น และการประดับตกแต่ง ในบรรดาศิลปินผู้ทรงอิทธิพลจากประเทศญี่ปุ่นในช่วงไม่กี่ทศวรรษนี้ มุราคามิได้รังสรรค์ศิลปะหลากหลายรูปแบบซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในกลุ่มผู้ชมหลากหลายแขนง ตั้งแต่ นักสะสมงานศิลปะ ไปจนถึงวัยรุ่นผู้คลั่งไคล้วีดีโอเกมส์ ผลงานของมุราคามิสามารถเชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมชั้นสูงและต่ำได้อย่างลงตัว        ผลงานทางศิลปะของมุราคามิได้รับการวิจารณ์ว่าค่อย ๆ พัฒนากลายเป็นงานศิลป์เสมือนจริง และกลุ่มตัวการ์ตูนบุคลิกต่าง ๆ ที่ดูพิศดารแต่ก็มีจิตใจพร้อมทั้งมอบชีวิตให้กับตัวการ์ตูนเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของภาพวาด ภาพยนตร์ การจัดแสดงผลงานศิลป์และประติมากรรม ยิ่งไปกว่านั้นยังนำเอาคุณลักษณะและจินตนาการที่เขาสร้างขึ้นมาผลิตเป็นสินค้า โดยเฉพาะสิ่งพิมพ์และยังรวมไปถึงพวงกุญแจ เข็มกลัด และเสื้อยืดอีกด้วย                ส่วนผลงานชั้นล่าสุดที่มุราคามิกับหลุยส์ วิตตองนั้นถูกนำมาแสดงอยู่ที่ชั้น 3 ของพิพิธภัณฑ์กุ๊กเกนไฮม์ มิวเซียม บิลเบา โดยสินค้าเหล่านี้จะแสดงให้เห็นถึงหัวใจสำคัญของการเดินทางร่วมกันระหว่างศิลปะ แฟชั่นและการค้าได้อย่างลงตัวทีเดียว                การร่วมงานระหว่างมุราคามิมิกับหลุยส์ วิตตองนั้นได้เริ่มขึ้นเมื่อมาร์ค จาร์คอบ ผู้อำนวยการศิลป์แห่งหลุยส์ วิตตอง ไปเยี่ยมชมนิทรรศการของมุราคามิที่ Foundation Cartier pour l'art contemporain ที่กรุงปารีส และได้เห็นผลงานของเขาพร้อมกับเกิดความประทับใจในโลกแห่งจินตนาการของมุราคามิที่สะท้อนออกมาเป็นการ์ตูนอย่างแปลกตา                        นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของลายโมโนแกรมของหลุยส์ วิตตองที่เริ่มปรากฏตัวในคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ปี 2003 ในครั้งนั้นมุราคามิได้แปลงโฉมหลุยส์ วิตตอง โมโนแกรมลายเก่าอย่างสิ้นเชิง โดยการแต่งแต้มสีสันกว่า 33 สีลงบนพื้นสีดำหรือขาว และตั้งชื่อคอลเลคชันนี้ว่า Eye Love Monogram Collection นอกจากนี้ยังได้ออกคอลเลคชัน Monogram Cherry Blassom ในปีเดียวกัน รวมไปถึง Monogram Cerise ในปี 2548 และปิดท้ายด้วย Monogramouflage ซึ่งเปิดตัว ณ พิพิธภัณฑ์บรู๊คลิน ในปี 2551        สำหรับนิทรรศการที่กุ๊กเกนไฮม์ มิวเซียม บิลเบานี้ ได้จัดแสดงผลงานพรมปักมือขนาด 2x3 ตารางเมตร ฝีมือการออกแบบของมุราคามิเพื่อหลุยส์ วิตตองโดยเฉพาะ พรมสุดหรูนี้มีชื่อว่า Flowerball ถูกถักทอด้วยพรมชั้นเลิศจากนิวซีแลนด์ ด้วยเทคนิคการทอแบบเย็บด้ายคู่เป็นห่วงเล็ก ๆ ประมาณ 20 ห่วงต่อหนึ่งตารางเซนติเมตร ซึ่งผลงานชิ้นนี้ใช้เวลาในการผลิตกว่า 3 เดือน ซึ่งหลอมรวมความรู้และความชำนาญ วัฒนธรรมดั้งเพดิม ความหรูหราสง่างาม และศิลปะ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของหลุยส์ วิตตองไว้ด้วยกันอย่างงดงาม ผลงานการออกแบบลายโมโนแกรมของมุราคามิ        " การร่วมงานกันของเราได้ก่อกำเนิดชิ้นงานมากมายจนนับไม่ถ้วน ซึ่งล้วนมีอิทธิพลและสร้างแรงบัลดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้กับหลาย ๆ คน เป็นการหลอมรวมระหว่างศาสตร์แห่งศิลป์และการพิณิชย์อันน่าทึ่ง และเป็นส่วนผสมอันลงตัวระหว่างแฟชั่นและประวัติศาสตร์ศิลป์" มาร์ค จาคอบส์กล่าวถึงศิลปินชาวญี่ปุ่นชื่อดังอย่างภาคภูมิใจ http://www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9520000043370

---

Rediscover Hotmail®: Now available on your iPhone or BlackBerry Check it out.