"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

ฉันไม่ชอบกฎหมาย
Bookmark and Share
Blognone

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552

แรงงานข้ามชาติ: ทางแพ่งแห่งกฎหมายและสิทธิมนุษยชน





แรงงานข้ามชาติ: ทางแพ่งแห่งกฎหมายและสิทธิมนุษยชน
โดย : ไทยเอ็นจีโอ  เมื่อ : 21/04/2009 11:28 AM
แรงงานข้ามชาติปัญหาเชิงโครงสร้างที่มีความสลับซับซ้อน มองเห็นถึงระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนไปได้ด้วยเพราะแรงงานข้ามชาติจำนวนมากกว่าล้านคน ปัญหาแรงงานข้ามชาติจึงเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายควรแสวงหาแนวทางแก้ไขร่วมกันในเชิงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม
"เวทีการสัมมนา ครบรอบ 1 ปี โศกนาฏกรรม 54 ศพ แรงงานพม่า วันนี้ยังมีความหวัง ครั้งนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการกระทำของมนุษย์ที่ร้ายแรงเราสามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ แต่ก็ยังไม่มีมาตรการกลไกในการคุ้มครอง ไม่มีกระบวนการจัดการที่เป็นธรรม การพิทักษ์สิทธิทั้งทางแพ่งและอาญา การเสียชีวิตของแรงงาน 54 ศพในปีที่ผ่านมาควรเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับสังคมไทย วันนี้มีแรงงานย้ายถิ่นทั่วโลกฉะนั้นองค์กรทั้งรัฐ องค์พัฒนาเอกชนพร้อมทั้งทุกภาคส่วนในสังคมควรมีหน้าที่ในการต้องปกป้องดูแลแรงงานเหล่านี้ เหมือนกับที่เรียกร้องให้ประเทศอื่นปกป้องแรงงานจากประเทศไทยที่ไปเป็นแรงงานที่ประเทศอื่น

เวทีวันนี้จะช่วยกันระดมความคิดเห็นเพื่อแสวงหาทางหนทางแก้ปัญหาร่วมกันในเชิงนโยบายด้วย ในการแก้ปัญหาควรคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานทั้งแรงงานที่อพยพถูกและผิดกฎหมาย บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ที่ต้องต้องยอมรับอีกประการหนึ่งคือ ว่าแรงงานข้ามชาติเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง และสร้างกระบวนการทำงานร่วมกันของฝ่ายต่างๆ ปัญหาแรงงานข้ามชาติเป็นปัญหาระดับโลกเรื่องใหญ่ ความเป็นรัฐชาติไม่สามารถสกัดกั้นแรงงานอพยพได้ ฉะนั้นหน่วยงานรัฐ หน่วยงานเอกชน ฝ่ายต่างๆต้องแสวงหากระบวนการร่วมกัน ในขบวนการแรงงานจะจัดการอย่างไร"
Ms.Gwi Yeop Son ผู้ประสานงานองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย กล่าวเปิดการสัมมนา

1 ปีที่ผ่านมาเห็นถึงความเชื่องช้าทางนโยบาย แต่ก็เห็นความฉับไวของหน่วยงานในพื้นที่ที่ร่วมกันจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น แม้ว่าความเป็นเอกภาพของนโยบายระดับสูงจะไม่ทันการณ์ แต่ก็มีภาคประชาสังคมที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด


Ms.Gwi Yeop Son

นางกานดา วัชรภัย

"ในเชิงนโยบายในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนเป็นรูปธรรมนั่นค่อนข้างที่จะคลุมเครือเพราะลำพังทางนโยบายอย่างเดียวไม่สามารถที่จะทันการณ์ในการแก้ไขปัญหาได้ เหตุการณ์แรงงานพม่าตาย 54 ศพนั้นสังคมรู้สึกสะเทือนใจ ทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มีการประชุมหน่วยงานอย่างเร่งด่วนในการดูแลปัญหา มีความเห็นว่าควรมีการประชุมร่วมกันระหว่างทั้งไทย-พม่าอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างถาวรนอกจากนั่นยังได้ข้อตกลงร่วมกันในการแก้ปัญหาอย่างจริงจังทั้งฝ่ายพม่าและไทยเพื่อการผลักดันแรงงานออกนอกประเทศ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง แต่ความล่าช้าในการกำหนดนโยบายในระดับชาติเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ส่วนในส่วนพื้นที่นั้นมีความมือกันอย่างรวดเร็วจึงเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างมาก ในการแก้ไขปัญหาแรงงานดั่งกล่าวควรคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มที่เพราะเป็นเรื่องควรเข้าใจ เพราะถึงแม้แรงงานที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมายแต่เขาก็เป็นมนุษย์ดังนั่นจึงควรเริ่มต้นที่ตรงนี้ก่อนนโยบาย เพราะหากรอโดยไม่ทำอะไรเลยเท่ากับจะขมวดปมปัญหาให้แก้ยากมากยิ่งขึ้นรวมทั้งการสาวถึงต้นตอของขบวนการขนคนเข้าเมืองและการค้ามนุษย์แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย" นางกานดา วัชรภัย รองปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวเพิ่มเติม
ปัญหาแรงงานลักลอบเข้าเมืองนั้นเป็นปัญหาระดับโลกที่มีความซับซ้อนและผลประโยชน์สูงมาก ทุกพื้นที่ทั่วโลกต่างประสบปัญหาคล้ายกันทั้งเนื่องจากภัยสงครามและความยากจน ประเทศไทยเป็นอีกแห่งหนึ่งที่มีปัญหานี้มาก ดังนั้นมาตรการทางกฎหมายเพียงอย่างเดียว ก็ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ทั้งหมด การดำเนินการควรเป็นไปในแนวทางที่ทุกฝ่ายทุกหน่วยงานของรัฐมีส่วนร่วมกัน ในการระดมปัญหาและหาทางออกอย่างเป็นรูปธรรม

"แรงงานลักลอบเข้าเมืองมี 2 ประเภท คือ แรงงานที่เข้าเมืองถูกต้องกฎหมายกับแรงงานที่เข้าเมืองไม่ถูกต้องกฎหมาย สิ่งทีเรากำลังพูดกันวันนี้คือคนที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายว่าเขาควรได้รับสิทธิอะไรบ้าง กฎหมายในประเทศไทยมีมากพอในการจัดการ เพียงแต่เราต้องใช้กฎหมายให้เป็น เช่น การใช้พยานหลักฐาน การใช้กฎหมายท้องที่ กรณี 54 ศพ ถือเป็นโอกาสดีที่ไทยจะได้เรียนรู้กระบวนการจัดการ ทั้งทางคดีอาญาว่าดำเนินอย่างไร การเยียวยาทำอย่างไร การเรียกร้องสินไหมทำอย่างไร ควรทำออกมาเป็นคดีตัวอย่างเลย นโยบายการจัดการปัญหาน่าจะมีความชัดเจนระดับหนึ่งอยู่แล้ว แต่มีข้อจำกัดถึงความซับซ้อนทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ภาครัฐมีความพยายามในการแสวงหาทุกวิถีทางในการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว สิ่งที่ต้องร่วมมือกันคือการจะทำอย่างไรที่จะสกัดกั้นเราเน้นที่คนที่นำพาเข้ามามากกว่าที่จะเป็นแรงงานเอง เพราะการแก้ปัญหาตรงนายหน้าหรือคนที่นำพาน่าจะมีส่วนในการสกัดกันได้มากว่า เช่น เจ้าของพาหนะ เจ้าของแหล่งประกอบการ ส่วนคนต่างด้าวนั่นให้ใช้วิธีการผลักดันเพราะเป็นเรื่องที่เหมาะสมมากกว่า

เรื่องที่ใหญ่กว่าคือทำอย่างไรของประเทศต้นทางให้หมุนเวียนไม่ให้กลับมาอีก การแก้ปัญหาที่เป็นข้อเสนอแนะคือ ต้องยอมรับความจริงว่าการหนีเข้าเมืองนั่นเป็นระดับนโยบายหลายหน่วยงานต้องมาช่วยกัน ทาง สตง.ได้นำข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาคือ กำหนดยุทศาสตร์สกัดกันป้องกันการเข้ามาใหม่ของแรงงานต่างด้าว และควบคุมดูแลคนที่อยู่เก่า และแก้ให้ใช้กฎหมายอย่างจริงจัง น่าจะมีการจัดโซนของนิคมอุตสาหกรรมในแถบชายแดนแรงงานที่เข้ามาก็ควรเป็นแบบเช้ามาเย็นกลับ บทบาทของ ตม. คือระบบการดูแลคือหลัก 3 ประการคือ คือไม่ให้มา ไม่ให้เข้า และไม่ให้อยู่ นั่นหมายถึอหลักสากลทั่วโลกในกฎหมายเข้าเมืองมีการควบคุมตรงนี้ การเชื่อมโยงถึงกระบวนการนำพาคนเข้ามาทั้ง 2 ประเทศ คือ พม่ากับไทย แสดงให้เห็นถึงการทำงานข้ามชาติที่ซับซ้อน และเป็นต้นตอของปัญหาเกี่ยวกับแรงงานทั้งปวงที่ต้องร่วมกันแก้ไขอย่างรูปธรรมซึ่งคงมะยากจนเกินไปนัก" พลตำรวจโท ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวพร้อมกับข้อเสนอแนะ
นอกจากนั้น นางสาวอรทัย จุลสุวรรณรักษ์ มูลนิธิศุภนิมิตรแห่งประเทศไทย ได้กล่าวส่งท้ายที่เน้นย้ำเรื่องการจัดการแรงงานต่างด้าวให้คำนึงถึงของหลักสิทธิมนุษยชนเป็นที่ตั้ง เพื่อแสวงหาการจัดการที่เป็นรูปธรรมจริงจังต่อปัญหาการลักลอบเข้าเมืองและหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมแรงงานพม่า 54 ศพที่ระนองให้เป็นคดีสุดท้าย

"เวลาที่มองประเด็นเรื่องแรงงานข้ามชาติ ไม่ว่าจะเข้าเมืองถูกหรือผิดกฎหมาย จะเป็นเหยื่อหรือไม่เป็นเหยื่อก็ตาม ประเด็นดังกล่าวไม่สามารถแยกขาดได้จากบริบททางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมได้เลย ที่หลายคนอาจจะอพยพย้ายถิ่นหนีความเดือดร้อนมายังประเทศไทยต่อไป ฉะนั้นผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมควรมองในบริบทที่เกิดขึ้นแวดล้อมด้วย เรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ในประเทศใดประเทศหนึ่ง เป็นเรื่องระหว่างประเทศ ในอาเซียนมีความพยายามที่จะมีการเคลื่อนย้ายกันอย่างอิสระหลายเรื่อง เช่น การค้าการลงทุน แต่เราก็ไม่ได้เปิดฟรีในการเคลื่อนย้ายมนุษย์ ทั้งๆที่การค้าการลงทุนได้เชื่อมโยงกับการเคลื่อนย้ายแรงงาน การแก้ไขการจัดการใดๆเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติ ถ้าไม่มีการที่มองภาพใหญ่กว่านั้น เรื่องนี้ก็จะเกิดขึ้นใหญ่ขึ้นอีก คนที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเข้าเมืองถูกหรือผิดกฎหมายก็ตาม พวกเขามีเพียง1 ฐานะ เท่านั้นคือ ฐานะความเป็นมนุษย์ เราต้องปฏิบัติต่อเขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งไม่ใช่การแบ่งแยกที่เหยียดหยามความเป็นมนุษย์และจัดการโดยไม่คำนึงถึงจริยธรรม"

ถึงแม้ประเทศไทยจะมีตัวบทกฎหมายที่ชัดเจนในเรื่องของการจัดการแรงงานต่างด้าว แต่ถ้าหากอาศัยเพียงกลไกทางกฎหมายเพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่เพียงที่จะรักษาไว้ซึ่งการเชิดชูความเป็นมนุษย์ ซึ่งกฎหมายควรที่จะดำรงไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชนก็คงจะดีไม่น้อย

 

ทีมงาน ThaiNGO
มูลนิธิกองทุนไทย
webmaster@thaingo.org

21 เมษายน 2552

http://www.thaingo.org/writer/view.php?id=1168

Windows Live™ Hotmail®:…more than just e-mail. Check it out.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
Thailand
ข่าวสาร ข้อมูล ทุกด้านต้องรับฟัง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฟังข่าวสารเพียงฝ่ายเดียว ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถาม workingmailhome@hotmail.com