กป.อพช.เสนอ รบ.ยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน- เดินหน้าปฏิรูปการเมือง | ||
เมื่อวันที่ 23 เม.ย. คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ออกแถลงการณ์ เรื่อง เดินหน้าปฏิรูปการเมืองและสังคมเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เสนอให้รัฐบาลพิจารณายกเลิกการประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และคืนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยเพื่อร่วมกันแก้วิกฤติทางการเมืองที่สังคมไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ นอกจากนี้ กป.อพช. ยังเรียกร้องให้การประชุมของผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาแสดงบทบาทในการแสวงหาทางออกของสถานการณ์อย่างสร้างสรรค์ รวมถึงให้สังคมไทยโดยรวมทบทวน ไตร่ตรอง ถึงปัญหาความขัดแย้งที่กำลังดำรงอยู่ อย่างมีสติ โดยปราศจากอคติ และความเกลียดชัง และร่วมกันหาทางออก บนหลักการของเหตุผล การเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างและสันติวิธี "รัฐบาลต้องถือเป็นวาระเร่งด่วนที่จะเอื้ออำนวย และจัดกระบวนการให้ทุกภาคส่วนของสังคมไทย ทั้งพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองต่างๆ ภาคธุรกิจ องค์กรภาคประชาสังคม องค์กรภาคประชาชน นักวิชาการ สามารถใช้ศักยภาพและพลังสร้างสรรค์ร่วมกันในการปฏิรูปการเมืองและสังคม เนื่องจากรากเหง้าที่แท้จริงของปัญหาความขัดแย้งที่กำลังดำรงอยู่ในสังคมไทยขณะนี้ คือ การสั่งสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนานของปัญหาช่องว่างทางเศรษฐกิจ ความไม่เป็นธรรมในการจัดสรรทรัพยากรของสังคม และการที่ประชาชนกลุ่มต่างๆ ขาดการมีส่วนร่วมในทางการเมือง และการกำหนดทิศทางและนโยบายการพัฒนาประเทศ จึงมีแต่การปฏิรูปการเมืองและสังคมเท่านั้นที่จะสามารถแก้ปัญหาและข้ามพ้นไปจากความขัดแย้งที่กำลังดำรงอยู่" แถลงการณ์ กป.อพช. ระบุ
แถลงการณ์เรื่อง เดินหน้าปฏิรูปการเมืองและสังคมเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่ดำรงอยู่ในสังคมไทยในช่วงระยะเวลาสามถึงสี่ปีที่ผ่านมา ที่นับวันจะขยายวงกว้างและทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นทุกขณะ จนเกิดเป็นความเสียหายต่อประเทศชาติ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ภาพพจน์ของประเทศ และการสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อของประชาชนไทย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา และปัจจุบันสถานการณ์ความขัดแย้งและความรุนแรงดังกล่าวก็ยังมิได้มีแนวโน้มว่าจะยุติลง ด้วยความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ขอแสดงจุดยืนและขอเสนอทางออก ดังนี้ ● รัฐบาลควรพิจารณายกเลิกการประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้สถานการณ์กลับคืนปกติ และคืนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยเพื่อร่วมกันแก้วิกฤติทางการเมืองที่สังคมไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ● การประชุมของผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ต้องแสดงบทบาท ในการแสวงหาทางออกของสถานการณ์อย่างสร้างสรรค์ รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง และไม่มุ่งเพียงการเอาชนะกันทางการเมือง เพื่อเป็นแบบอย่างให้แก่กลุ่มการเมืองต่าง ๆ ในสังคมไทย และสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชนว่าเราจะสามารถนำพาประเทศชาติผ่านพ้นไปจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้ร่วมกันได้ในที่สุด ● สังคมไทยโดยรวมต้องทบทวน ไตร่ตรอง ถึงปัญหาความขัดแย้งที่กำลังดำรงอยู่ อย่างมีสติ โดยปราศจากอคติ และความเกลียดชัง และร่วมกันหาทางออก บนหลักการของเหตุผล การเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่าง และสันติวิธี ● รัฐบาลต้องถือเป็นวาระเร่งด่วนที่จะเอื้ออำนวย และจัดกระบวนการให้ทุกภาคส่วนของสังคมไทย ทั้งพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองต่าง ๆ ภาคธุรกิจ องค์กรภาคประชาสังคม องค์กรภาคประชาชน นักวิชาการ สามารถใช้ศักยภาพและพลังสร้างสรรค์ร่วมกันในการปฏิรูปการเมืองและสังคม เนื่องจากรากเหง้าที่แท้จริงของปัญหาความขัดแย้งที่กำลังดำรงอยู่ในสังคมไทยขณะนี้ คือ การสั่งสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนานของปัญหาช่องว่างทางเศรษฐกิจ ความไม่เป็นธรรมในการจัดสรรทรัพยากรของสังคม และการที่ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ขาดการมีส่วนร่วมในทางการเมือง และการกำหนดทิศทางและนโยบายการพัฒนาประเทศ จึงมีแต่การปฏิรูปการเมืองและสังคมเท่านั้นที่จะสามารถแก้ปัญหาและข้ามพ้นไปจากความขัดแย้งที่กำลังดำรงอยู่ ด้วยจิตสมานฉันท์ คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) 23 เมษายน 2552
| ||
|
Windows Live™ Hotmail®:…more than just e-mail. Check it out.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น